Untitled Document
          ทองคำเปลวอยุธยามีที่มาจากธุรกิจเล็กๆย่านสะพานเหล็ก อยุธยาเป็นชื่อของร้านซึ่งคุณพ่อรุ่นที่1 ซึ่งเดินทางมาตั้งรกรากพึ่งพระบรมโพธิ์สมภาณในประเทศไทย เดิมทีคุณพ่อเป็นพ่อค้ารับซื้อของเก่าแบบโบราณ คือหาบตะกร้า 2ใบไปเที่ยวรับซื้อตามบ้าน ต่อมาก็เริ่มเข้าสู่วงการทอง รับซื้อทอง, เศษทอง, เงิน, โลหะมีค่าต่างๆ และรับซื้อเศษทองคำเปลวซึ่งตีแล้วแตกชำรุดกลับมาหลอมและสกัดให้บริสุทธิ์นำกลับมาใช้ใหม่ หลังจากนั้นก็เริ่มนำทองใบ (วัตถุดิบซึ่งนำไปตีทองคำเปลว) ไปขายให้กับพวกทำทองคำเปลว จนในวงการทองคำเปลวรุ่นเก่าไม่มีใครไม่รู้จักท่าน จากนั้นได้เริ่มติดตามคุณพ่อเข้าออกตามบ้านพวกทำทองคำเปลวตั้งแต่เด็กจนทุกคนในวงการรู้จักดี

          อยุธยา เป็นชื่อซึ่งคุณพ่อได้จากการนำชื่อจังหวัดพระนครศรีอยุธยามาตั้งเป็นชื่อร้าน เนื่องจากคุณพ่อเคยได้ไปช่วยงานหลอมทองซึ่งได้จากการบูรณะองค์หลวงพ่อโต วัดพนัญเชิง โดยคุณพ่อได้อธิษฐานบนต่อหลวงพ่อโตวัดพนัญเชิงว่า หากตนเองทำงานด้วยความซื่อตรง ไม่ลักลอบนำทองคำของวัดไปแล้วขอให้กลับมาสามารถตั้งตัวประกอบกิจการด้วยความเจริญรุ่งเรืองก้าวหน้าสืบไป หลังจากกลับจากงานบูรณะปิดทององค์หลวงพ่อโตในครั้งนั้น ท่านก็สามารถค่อยๆ ตั้งหลักฐานตามสัจจะอธิษฐานที่ท่านให้ไว้ได้จริง ท่านจึงนำชื่ออยุธยามาใช้เป็นชื่อร้านตลอดมา หลังจากที่คุณพ่อได้เข้าสู่วงการทองคำเปลวแล้ว ก็เริ่มซื้อทองจากแหล่งผลิตต่างๆมาส่งตามร้านสังฆภัณฑ์ทั่วๆไป จนเป็นที่รู้จักกัน และได้ติดตามคุณพ่อไปขายของตั้งแต่อายุประมาณ 12 ปี จนกระทั่งอายุ 17 ปี คุณพ่อก็เสียชีวิตลง จากนั้นก็ยังดำเนินการสืบทอดอาชีพนี้ต่อไป แต่ก็มีอุปสรรคจากการซื้อทองคำเปลวจากแหล่งผลิต เนื่องจากควบคุมคุณภาพไม่ได้ และบางครั้งก็ไม่มีของให้เรา ดังนั้นเราจึงเริ่มตั้งโรงงานผลิตทองคำเปลวเองเป็นกิจจะลักษณะ และจดทะเบียนเป็น บริษัท ศรีอยุธยาสังฆภัณฑ์ จำกัด และเริ่มผลิตจำหน่ายมานับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น อโยธยา ทองคำเปลว
 
 
ประเภทของทองคำ
          ทองคำที่นำมาผลิตทองคำเปลวนั้น เป็นทองคำที่มีความบริสุทธิ์สูง ในอดีตที่ผ่านมานั้นทองคำเปลวจะมีเฉพาะ ทองคำเปลว 99.5 % ซึ่งเรียกว่า "กิมซัว" ไม่มีหลากหลายประเภทอย่างเช่นปัจจุบัน เนื่องจากในระยะเวลาประมาณ 30-40 ปีที่ผ่านมานี้ ราคาทองคำสูงมากขึ้นจนทำให้มาตาราฐานทองคำในประเทศไทยเปลี่ยนไป โดยทั่วไปทองคำแท่งในปัจจุบันมีอยู่ 3 ประเภท คือ

1 .  ทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.99 % เป็นทองคำที่ต้องสกัดโดยใช้เครื่องจักรไม่เหมาะสำหรับทองคำเปลวเนื่องจากทองคำเปลวซึ่งตีด้วยทองคำบริสุทธ์ 99.99 % นั้นสีจะออกมา ขาวเหลือง และซีด จึงไม่เป็นที่นิยมในท้องตลาด

1 . ทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 99.99 %

2. ทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.50 % 2.  ทองคำแท่งที่มีความบริสุทธิ์ 96.50 % ปัจจุบันเป็นมาตราฐานของทองคำแท่งในประเทศไทยทองที่ตีออกมาจะมีลักษณะเหลืองอร่าม มีความเงางามมาก เนื่องจากทองคำประเภทนี้จะมีเงินผสมอยู่ประมาณ 3.5 % ซึ่งเป็นทองที่คนนิยมมากเนื่องจาก ความสวยงามและหาซื้อง่าย

3. ทองกิมซัวเป็นทองคำสูตรโบราณซึ้งกำลังจะสูญหายไปกับความเจริญก้าวหน้าแลวิวัฒนาการของมนุษย์ เนื่องจากทองกิมซัวเป็นทองคำซึ่งผลิตได้ยาก  ขั้นตอนการผลิตมากต้องสกัดด้วยวิธีโบราณ คือ การใช้สารเคมี เช่น น้ำกรด ในการแยกสกัดให้เป็นทองบริสุทธิ์
สีของทองคำหลังการสกัดนั้นจะออกมาในสภาพของทรายสีน้ำตาลปนทอง ซึ่งได้ความบริสุทธิ์สูงถึง 99.5-99.7 % คำว่ากิมซัวเป็นภาษาจีน โดย ” กิม ” แปลว่า ” ทอง ” และ ” ซัว ” แปลว่า ” ทราย ” เมื่อนำกิมซัวที่สกัดออกมาในสภาพของทรายมาหลอมก็จะกลายมาเป็นทองคำแท่ง ทองคำชนิดนี้หาซื้อยากเนื่องจากการสกัดทองชนิดนี้คนที่ทำการสกัดจะสูดดมเอาสารเคมีที่ใช้ในการสกัดเข้าไปทำให้ป่วย และวิธีการสกัดทองชนิดนี้ใช้เวลานานและสกัดด้วยเครื่องไม่ได้และในการสกัดจะมีมลภาวะออกมากับน้ำและอากาศทำให้ใกล้จะสูญหายไปจากท้องตลาด อีกทั้งราคายังสูงกว่าทองคำ 96.5 % ประมาณ 800 บาทต่อ 15.2 กรัม แต่ทองคำเปลวที่ใช้กิมซัวในการผลิตจะมีสีที่งดงาม ลักษณะอร่ามเหลืองออกแดงแบบโบราณ ในปัจจุบันนั้นหาได้ยาก และกำลังจะสูญหายไปในที่สุดเราเรียกทองคำเปลวชนิดนี้ว่าทองดอกบวบ 3. ทองกิมซัว
 
หน้าแรก : เกี่ยวกับเรา : ขั้นตอนการผลิต : ผลงานของเรา : ติดต่อเรา
Copyright 2011 © www.ayothayagoldleaf.com All Rights Reserved. Powered by ThaiWeb
Choose Styles
VISIT :